ว่ากันด้วยเรื่องของปัญหาสุขภาพกับการเลี้ยงสัตว์นั้น…หลายๆ ท่านอาจจะประสบปัญหาเกี่ยวกับอาการ “แพ้ขนสัตว์” ที่ก่อให้เกิดอันตรายและการแพ้ต่างๆ มากมาย แต่เราก็เชื่อว่าหลายๆ ท่านไม่ทราบถึงระดับความอันตรายมากเท่าที่ควรครับ วันนี้เราจะขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับ “อันตรายของการแพ้ขนสัตว์” กันครับ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เราไปชมกันเล้ยย!!!
แพ้ขนสัตว์เลี้ยง เกิดจากอะไร?
การแพ้ขนสัตว์นั้นจริง ๆ แล้วเกิดจากการแพ้โปรตีน หรือสารบางอย่างที่อยู่ในน้ำลาย สะเก็ดผิวหนัง หรือปัสสาวะของสัตว์ ซึ่งอาจไปติดอยู่ที่ขนสัตว์ได้ และเมื่อคนที่แพ้สารเหล่านี้ไปสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงเข้าก็อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้นั่นเอง โดยในน้ำลายของสุนัขจะมีโปรตีน Can F1 และ Can F2 ส่วนในน้ำลายของแมวจะมีโปรตีน Fel D1 ซึ่งเป็นสารก่อให้เกิดอาการแพ้ และนอกจากการแพ้สารก่อภูมิแพ้จากน้ำลายของสัตว์เลี้ยงแล้ว อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนเกิดอาการแพ้ขนสัตว์ก็คือ ไรที่อยู่ในขนของสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะสุนัขหรือแมว เพราะมูลของตัวไรนี้มีสารก่อภูมิแพ้อยู่ด้วย
ลักษณะของคนที่มีอาการแพ้ขนสัตว์
อาการของการแพ้ขนสัตว์ เช่น จาม น้ำมูก คัดจมูก ไอ แน่นหน้าอก หอบ ผื่นคัน โดยจะมีอาการเป็นๆหายๆ หลังจากเล่น หรือเข้าใกล้ สัมผัสสัตว์ชนิดนั้น หรืออาจมีอาการโดยไม่ได้เข้าใกล้สัตว์ก็ได้ สารก่อภูมิแพ้จากแมวและสุนัขจะอยู่ที่ผิวหนัง ขน น้ำลาย และมีขนาดเล็กน้อยกว่า 10-20 ไมครอน ทำให้ล่องลอยอยู่ในอากาศและติดอยู่ตามตัวหรือเสื้อผ้าได้นาน หากเราเข้าใกล้คนที่เลี้ยงสัตว์ที่เราแพ้ ก็อาจกระตุ้นให้เกิดอาการได้ โดยสัตว์เลี้ยงที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย ได้แก่ สุนัข แมว หนู และกระต่าย เป็นต้น
อาการแพ้ขนแมวและขนหมาเป็นอย่างไร?
อาการทั่วไปของการแพ้แมว จะเกิดอาการบวมและอาการคันของเนื้อเยื่อรอบดวงตาและจมูก มักจะนำไปสู่การอักเสบของดวงตา ในบางรายอาจมีผื่นที่ใบหน้า คอ หรือ หน้าอกส่วนบน นอกจากนี้บางคนจะรู้สึกคันจมูก จามบ่อย น้ำมูกไหล ระคายคอหลังจากสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ดังกล่าวจากแมว
การดูแลรักษาและหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ที่แพ้ขนสัตว์
●การหลีกเลี่ยงการแพ้
– ให้สัตว์เลี้ยงอยู่ภายนอกบริเวณบ้าน หากไม่สามารถทำได้ ให้แยกสัตว์เลี้ยง อยู่คนละห้องที่คนอยู่ ไม่ให้อยู่ในห้องนอน
– ทำความสะอาดสัตว์เลี้ยงด้วยการอาบน้ำ อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์
– ไม่จูบ หอม กอด สัตว์เลี้ยง แต่ถ้าทำ ให้ล้างมือ หน้าและตัวด้วยสบู่ทุกครั้งหลังการสัมผัส
– ใช้เครื่องฟอกอากาศที่มี HEPA filter ภายในบ้าน หรือห้องที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ เพื่อลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์ที่ฟุ้งอยู่ในอากาศ
– อาบน้ำให้แมวอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และแปรงขนให้แมวทุกวัน เพื่อลดเศษขนและฝุ่นละอองที่สะสมไว้
– ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละไม่ต่ำกว่า 150 นาที เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
– สำหรับผู้ที่เป็นโรคหืด ให้ใช้ยาพ่นจมูกหรือยาพ่นทางคอ เพื่อช่วยป้องกันอาการกำเริบ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการแพ้ให้เร็วที่สุด
●การรักษาอาการแพ้
– หากมีอาการให้ใช้การรักษาด้วยยาต้านฮีสตามีน ยาพ่นจมูก พ่นเข้าปาก เพื่อป้องกันอาการกำเริบ
– ถ้ายังมีอาการแล้วต้องการเลี้ยงสัตว์ต่อ สามารถให้การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดหรือวัคซีนภูมิแพ้ หลักการคือให้สารก่อภูมิแพ้ (allergens) ชนิดแมวหรือสุนัข ฉีดเข้าไปในร่างกายผู้ป่วยทีละน้อย เพื่อให้ผู้ป่วยมีภูมิต้านทานต่อสิ่งที่แพ้ ซึ่งการรักษาโดยวิธีนี้สามารถทำให้ผู้ป่วยหายขาดได้
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับข้อมูลเกี่ยวกับ “อันตรายของการแพ้ขนสัตว์” ที่เราได้รวบรวมมาให้ท่านผู้อ่านที่สนใจสำหรับทุกๆ ท่านกันนะครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่ดีครับ