ลดน้ำหนักอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพ ไม่โยโย่

ลดน้ำหนัก

ในปัจจุบัน เทรนด์การรักสุขภาพกำลังมาแรงไม่ว่าจะเป็นท่านหญิงและท่านชายต่างหันมาใส่ใจในรูปลักษณ์ภายนอกและสุขภาพร่างกายภายใน โดยเฉพาะในเรื่องของการดูแลรูปร่างของตัวเอง ซึ่งหลายๆ ท่านต่างมีเหตุผลต่างๆ ที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง บ้างก็ไม่มีเวลามากพอที่จะออกกำลังกาย บ้างก็ขี้เกียจที่จะออกกำลังกาย บ้างก็ไม่รู้จักใช้วิธีไหนในการลดน้ำหนักและก่อให้เกิดการหาทางลัดต่างๆ ที่จะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะสั้นหรือระยะยาว ดั่งเช่นอาการ “โยโย่” เป็นต้น ในวันนี้เราขอพาทุกๆ ท่านไปพบกับวิธีลดน้ำหนักแบบง่าย ๆ โดยไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อย พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับอาการ “โยโย่ เอฟเฟ็กต์” กันครับ

อาการ โยโย่ เอฟเฟ็กต์ คืออะไร?

โยโย่ เอฟเฟกต์ เป็นคำเรียกที่เปรียบเทียบการขึ้นลงของน้ำหนักร่างกายกับลักษณะการเหวี่ยงขึ้นอย่างรวดเร็วของโยโย่ เวลาเราเล่นโยโย่ ซึ่งถ้าเราออกแรงทิ้งเหวี่ยงโยโย่มากๆ ลูกโยโย่ก็จะดีดกลับขึ้นมาเร็วและแรง เปรียบได้กับการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกิดจากการลดน้ำหนักผิดวิธี ร่างกายศูนย์เสียไขมันและมวนกล้ามเนื้อไปอย่างรวดเร็ว โยโย่ เอฟเฟกต์ เรามักเห็นได้ชัดเจนในคนอ้วนที่พยายามลดความอ้วนจนกลายเป็นคนผอมอย่างรวดเร็ว  จากคนที่มีน้ำหนักตัวสูงกลับผอมลง  ก่อให้เกิดผิวหนังหย่อนคล้อย ซึ่งน้ำหนักจะลดจนผอมได้ไม่นานก็กลับไปอ้วนอีกครั้งนั้นเอง นอกจากนี้ยังทำอ้วนเร็วขึ้น และมีน้ำหนักมากกว่าเดิม เพราะร่างกายเสียสมดุลในการเผาผลาญไปแล้ว 

โดยส่วนใหญ่อาการโยโย่ มักจะพบในผู้ที่ชอบพึ่งทางลัดในการลดน้ำหนัก เช่น กินยาลดความอ้วน เพราะยาลดความอ้วนจะไปออกฤทธิ์กดประสาท ทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มตลอดเวลา ทำให้ระบบการเผาผลาญมีการจดจำภาวะการทำงานของร่างกายแบบผิดปกติครับ

การออกกำลังกายอย่างถูกวิธีและไม่ก่อให้เกิดอาการ โยโย่ มีวิธีใดบ้าง?

การออกกำลังกายอย่างถูกวิธีและไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงมีหลายวิธีซึ่งเราสามารถยกตัวอย่างได้ดังนี้

1.เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน

     อาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด ซึ่งไม่ควรงดอาหารมื้อนี้  ควรกินอาหารที่มีประโยชน์โดยเราขอแนะนำให้กินอาหารที่ให้พลังงานสูงอย่างโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการทอด พร้อมกับทานคู่กับผักผลไม้ ไม่แนะนำให้กินข้าวเหนียวหมูปิ้งหรืออาหารไขมันสูง เพราะจะทำให้อาหารย่อยได้ยากครับ

2.ลดอาหารจำพวกไขมันและรักษามวลกล้ามเนื้อ ให้คงที่ขณะที่ลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายและทานโปรตีนอย่างเหมาะสม

3.ห้ามอดอาหาร การอดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งจะส่งผลให้ร่างกายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการย่อย ก่อให้เกิดการเผาผลาญที่ผิดปกติได้

4.ควบคุมปริมาณอาหาร ควรรับประทานอาหารอย่างเพียงพอและไม่มากเกินไปเพื่อป้องกัน การสะสมของไขมันส่วนเกิน

5.รับประทารอาหารที่มีพลังงานต่ำ เลือกกินอาหารที่ให้พลังงานแคลลอรี่ต่ำแล้ะหมาะสมกับการเผาผลาญของร่างกาย 

6.หลีกเลี่ยงของมัน ลดอาหารจำพวกของทอด ผัด และอาหารที่มีไขมันสูงต่างๆ เช่น ไก่ทอด, หมูสามชั้นทอด เป็นต้น 

7.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ การออกกำลังกายร่วมกับการควบคุมอาหารในช่วงลดน้ำหนัก ในระยะช่วง 6 เดือนแรกจะยังไม่เห็นผลมากนักเพราะร่างกายกำลังสร้างกล้ามเนื้อเพื่อมาช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน ซึ่งไม่ควรออกกำลังอย่างหักโหมเกินไป เมื่อผ่านช่วงแรกไปแล้วเพื่อให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพและคงน้ำหนักนั้นไว้ได้ต่อเนื่อง ควรออกกำลังกายเพิ่มขึ้นขึ้นครับ 

8.มั่นตรวจสอบตัวเอง หรือ Self – Monitoring อาจเป็นการจดบันทึกการรับประทาน จดบันทึกน้ำหนักตัว เพื่อให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพและยั่งยืนครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับ การลดน้ำหนักที่จะไม่ก่อให้เกิดอาการ โยโย่ ที่เรานำมาฝากทุกๆ ท่านกันในวันนี้ เราหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านนะครับ